คู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 
คู่ปรับตลอดกาล1
 
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ทีมดังจากพรีเมียร์ลีก คู่ปรับตลอดกาล ทั้งคู่เป็นทีมร่วมเมือง ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเป็นคู่รักคู่แค้นกันมาตลอดในช่วงเวลาหลายปี
 
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยแสดงความเห็นถึงแมนฯซิตี้ ช่วงเปลี่ยนเจ้าของสโมสรมาเป็นนายทุนใหญ่จากอาบูดาบีไว้อย่างน่าคิด
 
“ประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่อยู่กับเราเสมอ ซิตี้คงต้องใช้เวลาเป็นร้อยปีกว่าจะทำได้ใกล้เคียง”
 
ประโยคดังกล่าว เฟอร์กี้ พูดไว้เมื่อปี 2011 ผ่านมา 11 ปี แมนฯซิตี้เปลี่ยนโฉมตัวเอง จากทีมดาดๆกลายมาเป็นสโมสรแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก ยกระดับอย่างรวดเร็ว แม้เกียรติยศและความสำเร็จยังห่างไกลจากแมนฯยูไนเต็ด แต่หากว่ากันตามสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ถ้าจะตามทันอาจไม่ต้องรอเป็น 100 ปีก็ได้ บางที 20 ปีข้างหน้า ซิตี้อาจแซงหน้าไปแล้ว
เอาเข้าจริง เฟอร์กี้ คงไม่คาดคิดหรอกว่า เรือใบสีฟ้าจะยืนหยัดยาวนานขนาดนี้ ดูบอลสด
 
รวมทั้งคงไม่มีความเชื่ออยู่ในหัวว่า แมนฯยูไนเต็ดจะค่อยๆตกต่ำ ได้โทรฟี่เพียงแค่ 3 ใบเท่านั้น นับตั้งแต่ตัวเขาเองรีไทร์ในซัมเมอร์ปี 2013 จนถึงตอนนี้ปาเข้าไปเกือบทศวรรษหรือ 10 ปี ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะฟื้น เรียกความยิ่งใหญ่กลับคืนมาในเร็ววันนี้ นับตั้งแต่ เฟอร์กี้ ล้างมือในอ่างทองคำ แมนฯซิตี้ผงาดพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 4 ครั้ง โดยเป็นรองแชมป์อีก 2 ครั้ง พวกเขายังกวาดลีกคัพมาครองถึง 6 ครั้ง แทบจะผูกขาดเลยทีเดียว มีคว้าเอฟเอคัพได้อีก 1 ครั้งด้วย
 
นอกจากนี้เข้าใกล้ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแบบสุดๆเมื่อฤดูกาลที่ผ่าน แต่ไปพลาดท่าให้เชลซีอย่างน่าเสียดายในเกมนัดชิง
ส่วนปัจจุบันยังเป็นเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีก , ถูกยกให้มีโอกาสคว้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมากสุดและเต็งเอฟเอคัพที่ฝ่าไปถึงรอบควอเตอร์ไฟนั่ลแล้วเช่นกัน เทียบกับแมนฯยูไนเต็ด ในช่วงเวลาเดียวกัน ต้องบอกเลยว่าคนละเรื่อง ห่างกันลิบลับแบบไม่เห็นฝุ่นเลย
 
ปีศาจแดงได้แค่แชมป์เอฟเอคัพ 2015/16 รวมลีกคัพกับยูฟ่า ยูโรปา ลีกอย่างละสมัย ในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามากุมบังเหียนและได้อันดับ 2 พรีเมียร์ลีกแค่ 2 ครั้งเท่านั้นเอง จริงๆถ้าย้อนกลับไปในปี 1986 เฟอร์กี้ เพิ่งเข้ามารับงานผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ด ทางฝั่งซิตี้เองก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก แถมยังดูแย่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ทายผลบอล
 

ไทม์ไลน์ของทั้ง 2 ทีม จากเมืองแมนเชสเตอร์ คู่ปรับตลอดกาล

คู่ปรับตลอดกาล2

เรือใบสีฟ้าตกชั้นไปเล่นในดิวิชั่น 2 เดิมหรือปัจจุบันคือเดอะ แชมเปี้ยนชิพในฤดูกาล 1986/87 ต้องใช้เวลา 2 ปีกว่าจะกลับขึ้นมาได้สำเร็จ พวกเขาทำได้ดีขึ้นในต้นทศวรรษ 90 แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ทรุดหนัก น่าเป็นห่วง ซึ่งเป็นช่วงจุดเริ่มต้นสู่ความยิ่งใหญ่ของแมนฯยูไนเต็ด
 
– 1992/93 แมนฯยูไนเต็ดได้แชมป์พรีเมียร์ลีก , แมนฯซิตี้จบอันดับ 9
– 1993/94 แมนฯยูไนเต็ดฟาดทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ , แมนฯซิตี้จบอันดับ 16
– 1994/95 แมนฯยูไนเต็ดได้รองแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ , แมนฯซิตี้จบอันดับ 17 รอดตกชั้นแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
– 1995/96 แมนฯยูไนเต็ดกลับมาทวงบัลลังก์ คว้าทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ เป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 3 ปี , แมนฯซิตี้เศร้าสลดได้อันดับ 18 หล่นไปเล่นในดิวิชั่น 1 ในเวลานั้น
– 1996/97 แมนฯยูไนเต็ดยังแข็งแกร่ง รักษาแชมป์พรีเมียร์ลีกไว้ได้ เป็นสมัยที่ 4 ใน 5 ปี ยึดครองผูกขาดอย่างชัดเจน , แมนฯซิตี้จบอันดับ 14 ในดิวิชั่น
– 1997/98 แมนฯยูไนเต็ดได้แค่อันดับ 2 พรีเมียร์ลีก , แมนฯซิตี้สาหัสกว่ามาก จบอันดับ 22 ดิวิชั่น 1 ซึ่งหมายถึงต้องตกไปดิวิชั่น 2 ซึ่งก็คือลีกวันในตอนนี้
– 1998/99 แมนฯยูไนเต็ดบันทึกประวัติศาสตร์ ฟาดเรียบ 3 แชมป์พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก , แมนฯซิตี้จบอันดับ 3 ดิวิชั่น 2 ก่อนชนะเพลย์ออฟ ได้กลับมาเล่นในดิวิชั่น 1 แทงบอล
 
ลองจินตนาการเอาแล้วกัน ตอนนั้นแมนฯยูไนเต็ดฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เมืองแมนเชสเตอร์ถูกย้อมด้วยสีแดง  บรรดาเร้ด อาร์มี่ทั้งหลายเริงร่า ยิ้มแย้มแจ่มใส ในขณะที่พวกซิตี้ได้แต่เดินตัวลีบ แม้จะเลื่อนชั้นมาเล่นในดิวิชั่น 1 ได้ แต่เทียบกันแล้วห่างกันหลายช่วงตัวจริง พูดง่ายๆคือมันคนละชั้น
 
หลังทริปเปิ้ลแชมป์แล้ว แมนฯยูไนเต็ดยังยืนหยัดอยู่บนจุดสุดยอดเรื่อยมา ส่วนซิตี้กลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2000/01 แต่ผลงานร่อแร่เหลือเกิน ได้อันดับ 18 กลับลงไปดิวิชั่น 1 อีกรอบ ยังดีที่ว่าคว้าแชมป์ลีกรองได้ภายในเพียงปีเดียว กลับสู่พรีเมียร์ลีกสำเร็จ แต่ก็ยังต้องกินน้ำใต้ศอกต่อไป เพราะยังทาบปีศาจแดงไม่ได้อยู่ดี
 
จากช่องว่างที่ชัดเจนเรื่อยมา ไม่น่าแปลกใจหรอกทำไม เฟอร์กี้ ถึงมองข้ามแมนฯซิตี้ ไม่เคยเห็นเป็นคู่แข่งด้วยซ้ำไป แค่อยู่ในเมืองเดียวกันก็เท่านั้นเอง
 
“บางครั้งคุณก็ต้องเจอเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญบ้าง คุณไม่อาจทำอะไรได้หรอก คุณจะรู้สึกรำคาญอยู่เรื่อยๆ แต่ต้องใช้ชีวิตต่อไปและแก้ปัญหาด้วยการเปิดทีวีให้ดังกว่าเดิมเพื่อกลบเสียงดังกล่าว”
 
นี่คืออีกประโยคที่ เฟอร์กี้ เคยเปรียบเปรยว่า แมนฯซิตี้ได้แค่สร้างความรำคาญกับแมนฯยูไนเต็ดเท่านั้น นานๆชนะสักทีก็จะเสียงดังหรือไม่ก็พยายามทำตัวขึ้นมาทาบรัศมี ทั้งที่ความจริงคนละเลเวล
 
ซิตี้เป็นได้แค่ก้อนกรวดน่าอยู่ในรองเท้า สร้างความรำคาญให้อยู่เรื่อย แต่มันไม่อาจก่อผลกระทบอะไรได้หรอก
แต่อย่างที่บอก ต่อให้มีนายทุนใหญ่เข้ามาเทคโอเวอร์ ก็ไม่เชื่อหรอกว่าเรือใบสีฟ้าจะก้าวขึ้นมาอยู่ตรงจุดท็อปได้อย่างสม่ำเสมอ น่าจะแค่สร้างกระแสได้แค่ประเดี๋ยวประด๋าว แทงบอลออนไลน์

กลับมาสู่ยุคปัจจุบันของ คู่ปรับตลอดกาลแห่งเมืองแมนเชสเตอร์

คู่ปรับตลอดกาล3
 
ตัดภาพกลับมาในเวลานี้ ราวกับว่ามีการเขียนสคริปต์หรือบทไว้ล่วงหน้าไม่มีผิด แมนฯซิตี้แทบผูกปีครองพรีเมียร์ลีก 4 ฤดูกาลล่าสุดฟันไปถึง 3 อีกครั้งที่พลาดไปคือจบอันดับ 2 แล้วปัจจุบันก็ยังนั่งแท่นจ่าฝูง มีโอกาสจะป้องกันแชมป์ได้สูงอีกด้วย
 
เมื่อหันมามองแมนฯยูไนเต็ดใน 4 ฤดูกาลล่าสุด ได้อันดับ 2 ไป 2 ครั้ง อีก 2 ครั้งคืออันดับ 3 และ 6 แล้วตอนนี้อยู่อันดับ 4 ต้องพยายามอย่างหนักไม่ให้จบต่ำกว่านี้ ไม่อย่างนั้นฤดูกาลหน้าจะหลุดจากสารบบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกทันที
การทำงานแบบมืออาชีพ เฟ้นหาบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นโค้ช , สต๊าฟฟ์หรือนักเตะคือสิ่งสำคัญทำให้แมนฯซิตี้ไม่ใช่เพื่อนบ้านที่น่ารำคาญอีกต่อไป ข่าวนักเตะ
 
รวมถึงแรงสนับสนุนจากผู้บริหาร พร้อมอุ้มชูดูแลอย่างเต็มที่ ไม่มาก้าวก่ายวุ่นวายในเรื่องที่ไม่มีความรู้ ปล่อยให้คนเก่งมีความสามารถจัดการกันไป ทุกวันนี้เมืองแมนเชสเตอร์ถูกย้อมด้วยสีฟ้าแทน สีแดงแทบเลือนราง เหลือเพียงเรื่องราวในอดีตเท่านั้น ที่ยังคงหล่อเลี้ยงจิตใจบรรดาเร้ด อาร์มี่
 
บางครั้งการพูดขุดคุ้ยถึงแต่เรื่องในอดีตมากเกินไป อาจทำให้แมนฯซิตี้ตอกกลับมาว่า แมนฯยูไนเต็ดต่างหากที่เป็นเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญ คนที่รู้สึกแย่ไม่น้อยไปกว่าใครเลย คงจะเป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นั่นเอง
 
บางครั้งความมั่นใจที่มีมากเกินไป มันย้อนมาทำร้ายได้อย่างไม่รู้ตัวเลย